ผู้ติดตาม

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เผยภาพ “สึนามิสุริยะ” การปะทุรุนแรงบนดวงอาทิตย์

นาซาเผยภาพ “สึนามิสุริยะ” บนดวงอาทิตย์ แสดงให้เห็นการปะทุในส่วนของซีกเหนือบนดวงอาทิตย์ ที่ระเบิดอนุภาคมีประจุพุ่งตรงมายังโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 
      
       พายุสุริยะ (solar storm) ซึ่งองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ขนานนามว่า “สึนามิสุริยะ” (solar tsunami) นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 1. ส.ค.ที่ผ่านมา โดยจัดเป็นการลุกจ้า (solar flare) ประเภท คลาส ซี3 (Class C3) ซึ่งดวงอาทิตย์ด้านที่หันเข้าหาโลกนั้นมีการปะทุรุนแรงเกือบทั้งด้าน




ภาพดวงอาทิตย์บันทึกในย่านรังสียูวีสุดขั้วที่หลากหลายความยาวคลื่น โดยกล้องเอสโอดี แสดงให้เห็นการปะทุและสึนามิสุริยะบนดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลให้เกิดพายุแม่เหล็กโลก และแสงออโรราที่ขั้วโลก (นาซา/เอเอฟพี)
      
       อนุภาคของดวงอาทิตย์ เริ่มโจมตีสนามแม่เหล็กโลกเมื่อวันอังคารของสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดพายุแม่เหล็กโลกรุนแรงและแสงออโรรานานถึง 12 ชั่วโมงบนโลก แต่เจ้าหน้าที่นาซาระบุว่า การปะทุดังกล่าวยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดรังสีอันเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station)
      
       ภาพที่นาซานำมาเผยแพร่นี้ ไซน์เดลีรายงานว่า เป็นภาพย่านรังสีอัลตราไวโอเลตสุดขีด (extreme ultraviolet) หลายความยาวคลื่น ที่บันทึกโดยกล้องโทรทัศน์อวกาศโซลาร์ไดนามิกส์ (Solar Dynamics Observatory) หรือเอสดีโอ (SDO) ซึ่งแสดงภาพช่วงกลางๆ ของการปะทุ ซึ่งเป็นการปะทุที่เรียกว่า “การพ่นมวลคอโรนา” (coronal mass ejection) หรือซีเอ็มอี (CME)
  

ภาพดวงอาทิตย์เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา จากกล้องโซโฮ (SOHO) ของนาซา ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุตรงมายังโลกจำนวนมาก (นาซา/เอเอฟพี)
   
       ในภาพเราเห็นการลุกจ้าเป็นบริเวณสีขาวๆ ด้านบนซ้าย ส่วนรูปร่างที่คล้ายๆ คลื่นด้านขวาบนนั้นคือ “สึนามิสุริยะ” ที่เป็นผลตาม และเส้นสนามแม่เหล็กคือบริเวณที่อยู่ด้านนอกของพื้นผิวดวงอาทิตย์ โดยสีสันที่แตกต่างกันนั้น แสดงถึงความแตกต่างอุณหภูมิของก๊าซต่างๆ
      
       สำหรับกล้องเอสดีโอออกแบบมาเพื่อบันทึกภาพดวงอาทิตย์ที่หลากหลายความยาวคลื่นด้วยระบบความละเอียดสูง โดยเพิ่งถูกส่งขึ้นไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และได้สำรวจเข้าไปในชั้นลึกๆ ของดวงอาทิตย์ เพื่อสังเกตความลึกลับของการทำงานภายในดาวฤกษ์ดวงนี้
      
       ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปะทุรอบสองนั้นจะตามการปะทุรอบแรกมาติดๆ และอาจจะจุดให้เกิดพายุแม่เหล็กโลก รวมถึงทำให้เกิดแสงออโรราสว่างจ้าขึ้นมาได้อีกครั้ง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น